ผ้าทอพื้นเมืองอีสานในจังหว
ที่จังหวัดสุรินทร์มีหมู่บ้
การแต่งกายของชาย
ปกติจะนุ่งผ้าโจงกระเบน ซึ่งเป็นผ้าไหมที่เกิดจากกา
"ผ้าไหมควบหรือผ้าหางกระรอก เขมรเรียก ผ้ากะทิว แต่งขอบผ้าด้านกว้างเป็นแนว เผินด้วยลายขิดเป็นลายกลีบบ ัวสลับลายอุบะ ของนางนา ทรายแก้ว บ้านนาแห้ว หมู่ 7 ตำบลสวาย อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์"
สำหรับผู้ชายที่เข้าพิธีบวช
ที่บ้านสวาย ตำบลสวาย ผู้ชายจะนุ่งผ้าโจงกระเบนใช
"การแต่งกายของผู้ชายส่วย ตามแบบเดิมปัจจุบันจะ แต่งเวลาประกอบพิธีกรรมคือน ุ่งโจงกระเบนไหมควบ คล้องผ้าสไบ คาดไถ้เครื่องราง"
ที่บ้านนาแห้ว นางนา ทรายแก้ว อายุ 80 ปี ช่างทอผ้ามีชื่อ มีผ้าโฮลโบราณที่มีชื่อเสีย งได้ให้นางเพียร สายแก้ว อายุ 37 ปี บุตรสาวนำออกให้ชม มีผ้ากะนิวหรือผ้าหางกระรอก ที่มีขอบเป็นลายกลีบบัว ลายอุบะลายนี้มีลักษณะคล้าย ลายสลักที่ขอบผนังปราสาทหิน ลายนี้เรียกว่า รือเจียร์หรือลายขิด นอกจากนี้ เวลาไปงาน สำคัญผู้ชายจะนุ่งผ้าสมปักไ หม 3 ตะกอ แต่ไม่มีลายกรวยเชิงที่ขอบ
ที่บ้านจันรม ผู้ชายนิยมนุ่งโสร่ง เรียกว่า ผ้าตาหม่อง หรือตาม่วง คาดผ้าขาวม้ายกขิด เรียกว่าสไบรือเจียร์
ที่บ้านจารพัท ผู้ชายนุ่งผ้าสมปรต (ซัมป๊วด) ลายกราซะไน (ลายแห) หรือนุ่งโสร่ง ลายตะแกรง ทอด้วยไหมตีเกลียว (กะนิว) 3 เส้นควบ เพื่อให้สีเหลือบ (ไหมควบหรือผ้าหางกระรอก) และมีผ้าขาวม้าหรือผ้าไส้สะ
สำหรับผู้ชายที่เข้าพิธีบวช ขณะอยู่ในสภาวะเป็นนาค จะนุ่งผ้าโฮล แบบนุ่งซิ่นไม่นุ่งโจงกระเบ น
ที่บ้านสวาย ตำบลสวาย ผู้ชายจะนุ่งผ้าโจงกระเบนใช ้ผ้าหางกระรอกเช่นกัน แต่ไม่มีการทำเชิงที่ขอบผ้า ถ้านุ่งผ้าโสร่งจะคาดผ้าขาว ม้าหรือกนจะดอ คาดเอว หรือพาดไหล่
ที่บ้านนาแห้ว นางนา ทรายแก้ว อายุ 80 ปี ช่างทอผ้ามีชื่อ มีผ้าโฮลโบราณที่มีชื่อเสีย งได้ให้นางเพียร สายแก้ว อายุ 37 ปี บุตรสาวนำออกให้ชม มีผ้ากะนิวหรือผ้าหางกระรอก ที่มีขอบเป็นลายกลีบบัว ลายอุบะลายนี้มีลักษณะคล้าย ลายสลักที่ขอบผนังปราสาทหิน ลายนี้เรียกว่า รือเจียร์หรือลายขิด นอกจากนี้ เวลาไปงาน สำคัญผู้ชายจะนุ่งผ้าสมปักไ หม 3 ตะกอ แต่ไม่มีลายกรวยเชิงที่ขอบ
ที่บ้านจันรม ผู้ชายนิยมนุ่งโสร่ง เรียกว่า ผ้าตาหม่อง หรือตาม่วง คาดผ้าขาวม้ายกขิด เรียกว่าสไบรือเจียร์
ที่บ้านจารพัท ผู้ชายนุ่งผ้าสมปรต (ซัมป๊วด) ลายกราซะไน (ลายแห) หรือนุ่งโสร่ง ลายตะแกรง ทอด้วยไหมตีเกลียว (กะนิว) 3 เส้นควบ เพื่อให้สีเหลือบ (ไหมควบหรือผ้าหางกระรอก) และมีผ้าขาวม้าหรือผ้าไส้สะ เอียน เช่นเดียวกับบ้านอื่นๆ ที่มีเชื้อสายเขมร
ผู้หญิง
ผู้หญิงจะมีผ้าซิ่นทอด้วยไห มที่มีลวดลายต่างๆ หลายแบบ ที่นิยมมากคือซิ่นโฮลหรือหม ี่คั่นใช้เฉพาะผู้หญิงเท่าน ั้น เป็นผ้ามัดหมี่ที่เป็นลายทา งยาวเล็กๆ เป็นการเลียนแบบลายน้ำไหล (โฮลแปลว่าน้ำไหล) ผ้าซิ่นจะมีการต่อเชิงหรือต ีนเพื่อให้ได้ความยาวที่พอเ หมาะกับผู้นุ่งเพราะตัวซิ่น นั้นหน้าฟืมที่ทอมีขนาดแคบต ีนซิ่นเรียกว่า ผ้าปะโปลทอเป็นลายตะสีบอ๊อด หรือลายคลื่น นอกจากซิ่นแล้วผู้หญิงจะห่ม ผ้าสไบทอยกดอกลายลูกแก้วมีท ั้งสีขาวและสีดำ
ที่บ้านสวาย ตำบลสวาย ผู้ชายจะนุ่งผ้าโจงกระเบนใช
ที่บ้านนาแห้ว นางนา ทรายแก้ว อายุ 80 ปี ช่างทอผ้ามีชื่อ มีผ้าโฮลโบราณที่มีชื่อเสีย
ที่บ้านจันรม ผู้ชายนิยมนุ่งโสร่ง เรียกว่า ผ้าตาหม่อง หรือตาม่วง คาดผ้าขาวม้ายกขิด เรียกว่าสไบรือเจียร์
ที่บ้านจารพัท ผู้ชายนุ่งผ้าสมปรต (ซัมป๊วด) ลายกราซะไน (ลายแห) หรือนุ่งโสร่ง ลายตะแกรง ทอด้วยไหมตีเกลียว (กะนิว) 3 เส้นควบ เพื่อให้สีเหลือบ (ไหมควบหรือผ้าหางกระรอก) และมีผ้าขาวม้าหรือผ้าไส้สะ
ผู้หญิง
ผู้หญิงจะมีผ้าซิ่นทอด้วยไห
ที่บ้านเขวาสินรินทร์ ผู้หญิงมีผ้าซิ่นที่ทอใช้ได ้แก่ หมี่โฮลหรือหมี่คั่น ซึ่งมีริ้วเป็นลายเฉียงๆเรี ยกว่า หนังโป หรือลายคำอ้อย แต่ถ้าเป็นลายริ้วทางยาวๆ ธรรมดา ประเภทหมี่เข็น ที่นี่เรียกว่า อันลุยซีม คือ ผ้าลายริ้วแบบสยาม ซึ่งอันลุยซีมนี้น่าจะเป็นต ้นแบบของผ้าโฮลซึ่งชาวเขมรร ับไปจากแบบผ้าซิ่นหมี่เข็นห รือหมี่คั่นของไทย เพราะลายผ้าแบบเขมรของชาวบ้ านนั้นไม่มีลาย นอกจากลายริ้วเป็นทางยาวๆ และเปลี่ยนลายตามริ้วบ้างเล ็กน้อยด้วยการขยายลายทางให้ กว้างขึ้นเท่านั้น แต่องค์ประกอบทั่วไปยังอยู่ ในแนวยาวนอกจากนี้มีผ้าทอเป ็นลายตาตารางเล็กๆ แบบต่างๆ เช่น ผ้าสาคู ผ้าอันปรม ผ้าสมอ ผ้าละเบิกซึ่งยกลายสี่เหลี่ ยมเป็นจุดเล็กๆ ลายเก๊าะหรือลายขอ ส่วนผ้ามัดหมี่หรือผ้าโฮลเป ร๊าะ มีลายสัตว์เช่นนกยูง ช้าง นาคมักนิยมลายนาค 2 หัว ที่มีหางไขว้ตรงกลาง นอกจากนั้นมีลาย ต้นไม้ ไก่ นก ม้าบินและผีเสื้อ ลายต้นไม้นิยมลายต้นสน
Official Website : http://www.thaitextilemuse um.com/HOME/NaNa/TextileSu rin/textilesurin.html
Official Website : http://www.thaitextilemuse
No comments:
Post a Comment